God's in his heaven,All's right with the world!

Anno Inspiration
แรงบันดาลใจของฮิเดอากิอันโนะ
Rebuild of Evangelion
Evangelion 3.0+1.0 Thrice upon a time
Evangelion Anima
Evangelion Anima อนิเมลำดับถัดไป

โปสเตอร์ evangelion 3.0+1.0 Thrice upon a time

เนื้อหาที่ควรอ่านก่อน บทสรุป

Eva extra manga Evangelion 3.0 (-120 min)

ทฤษฏีชื่อของ evangelion 3.0+1.0evangelion 3.0+1.0

ที่มาของชื่อ thrice upon a time thrice upon a time thrice upon a time thrice upon a time 

ส่วนแรกของภาพยนตร์ Evangelion 3.0+1.0 นั้นเป็นการแสดงด้านที่แตกต่างจากข้อความที่ปรากฏใน The end of Evangelion ที่ในภาพยนตร์ภาคจบชุดก่อนนั้นชินจิรู้สึกเพียงว่าคนรอบข้างเขานั้นล้วนมองเขาเป็นเพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่งเท่านั้น สั่งให้เขาทำได้แม้กระทั่งฆ่าเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาอย่างคาโอรุ แม้คนอื่นจะสั่งแต่คนลงดาบก็คือเขาอยู่ดี ทุกคนเพียงแค่ทำกับเขาเพียงเพราะเขาเป็นคนเดียวที่สามารถขับเอวา 01 ได้เท่านั้น ในโรงเรียนก็ไม่มีใครสนใจเขาจน เขาเปิดเผยตัวว่าเป็นนักบิน EVA01(ชินจิก็ค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียนหญิงอยู่พอประมาณดูจากตอนที่ 5 ที่กลุ่มนักเรียนหญิงในสระว่ายน้ำพากันพูดว่าขยะแยงสายตาของ สึสึฮาระ โทจิ แต่กลับเรียกชื่อชินจิด้วยความสนใจ “เพราะเขาเป็นนักบินเอวา”)

ต่างกับ 3.0+1.0 และ 3.0 ที่ทุกคนต่างห้ามไม่ให้เขาขึ้นขับเอวา ในภาค 3.0 แม้ว่าการขึ้นขับเอวาจะเป็นคำสั่งของเกนโดพ่อของเขาแต่ก็ยังมาจากความปรารถนาที่จะแก้ไขความผิดพลาดของเขาเอง ทุกครั้งที่เอวานเกเลียนมีภาพของคาโอรุ ชินจิจะทำทุกอย่างด้วยความปรารถนาของเขาเองที่จะทำเสมอ (เจตจำนงเสรี) คาโอรุในทีวีซีรีย์ก่อนคือ ทาบลิส เทวทูตแห่งเจตจำนงเสรี แม้แต่คาโอรุห้ามชินจิมิให้ดึงหอกลองกินุสก็ยังทำไม่ได้เลย เพราะความปรารถนาของชินจิทำให้เขามีความหวัง และทำให้คาโอรุกลายเป็นความจนตรอก จึงได้เห็นหอกลองกินุสถึง 2 เล่ม ดังนั้นทุกคนใน Shin Evangelion ที่ทำดีกับเขาล้วนเป็นเพราะพวกเขาต่างชอบชินจิ มิใช่เพราะเขาเป็นนักบินเอวา เนื้อหาในช่วงท้ายภาค 3.0 ชินจิและ คาโอรุต้องการหอก 2 เล่ม คือหอก ลองกินุส และ หอก คาซิอุส หอกแห่งความหวังและการสิ้นหวังมารวมกันเกิดเป็นความสามารถในการย้อนเวลา

 

ชินจิถูกอาสึกะพามายังหมู่บ้าน 3 อย่างไม่เต็มใจนัก พร้อมกับ เร Q (ขอใช้ชื่อนี้เพราะปรากฏตัวในภาค Q )  ฉากแรกที่เขาเห็นที่หมู่บ้าน 3 คือสุนัขโกลเดนท์รีทรีฟเวอร์ที่สวมคอลลาร์กันเลียไว้ที่คอ มันก็บาดเจ็บเช่นเดียวกันกับชินจิหลังจากนั้นโทจิ ก็พาชินจิมาพักที่บ้านของเขาซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ โดยที่โทจิอาศัยอยู่กับ ฮิคาริ ภรรยา และ ทซึบาเมะ ลูกของเขา รวมถึงคุณโฮรากิ พ่อตาของเขาด้วย บ้านหลังนี้มีคนเยอะเกินไปสำหรับชินจิจึงไม่เหมาะสมกับเขาที่ใช้ชีวิตอยู่ในมุมห้อง แต่กลับเหมาะสมกับ เรQ  ที่ไม่เคยพบเห็นและมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์จำนวนมากรวมถึงไม่มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการดำรงชีพของมนุษย์ด้วย ( เร มีบุคลิกของนักวิทยาศาสตร์ จากข้อมูลที่เปิดเผยจากภาค Anima เร ปราศจากความเข้าใจในตนเองจึงต้องคอยสอดส่องผู้อื่น และสังเกตความรู้สึกนึกคิดและพฤติกรรมของผู้อื่น ซึ่ง ชินจิ สามารถเป็นต้นแบบของตัวตนในแบบที่ เร สามารถที่จะเป็นได้เพราะมีบุคลิกคล้ายกัน , อ้างอิง ซาดาโมโต เคยกล่าวว่า เร ก็เป็นเหมือนจิตไร้สำนึกของชินจิ)

สุนัขที่เริ่มรักษาตัวพร้อมชินจิ

สุนัขที่เริ่มรักษาตัวพร้อมชินจิ

 

เมื่อเคนสึเกะมาเยี่ยมโทจิก็ได้พบกับชินจิที่ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับบ้านของโทจิได้ เคนสึเกะจึงได้พาชินจิไปอยู่กับเขาด้วย  ซึ่งในขณะนั้นอาสึกะ ก็ไปพักอาศัยที่บ้านของเขาอยู่แล้ว เคนสึเกะอาจจะรู้ก็ได้ว่าเขากำลังพา Asushin กลับมาอยู่ด้วยกัน (ทั้ง Tv serie และ Rebuild เพื่อนร่วมห้อง 2A รู้กันทั่วไปว่า Asushin มีสายสัมพันธ์พิเศษระหว่างกัน) บ้านของเคนสึเกะนั้นทีมงานผู้สร้างพยายามที่จะเติมแต่งรายละเอียดให้คล้ายกับ อาพาร์ทเมนต์ของมิซาโตะให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะเป็นการกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งภายใต้ผู้ปกครองคนเดียวกัน(เหมือนที่ คาจิ เคยมาดูแลในขณะที่มิซาโตะไปทดสอบ 03) เพียงแต่ว่าครั้งนี้ อาสึกะ มาอยู่ก่อนชินจิ (ซึ่งเหตุการณ์นี้สามารถเป็นจุดอ้างอิงของการสลับ มุมมอง ของตัวละคร ชินจิ และ อาสึกะ ได้ด้วย อาจกล่าวได้ว่า ในภาค 3.0 เป็นชินจิที่อยู่ในมุมมองของอาสึกะในภาค 1.0 ซึ่งยังไม่ปรากฏตัว แต่ก็มาแสดงให้เราเข้าใจถึงจุดนั้นได้ในช่วงท้ายภาคของ 3.0 + 1.0 นี่เอง ส่วน 3.0 + 1.0 ก็เป็น ชินจิ ในมุมมองของอาสึกะ ใน 2.0 นับว่าทีมงาน คารา บุกเบิกศิลปะภาพยนตร์ในแนวทางใหม่ที่มีแต่พวกเขาที่ทำได้)

เคนสึเกะพาชินจิไปบ้านของเขา

เคนสึเกะพาชินจิมาพักที่บ้านอันห่างไกลผู้คนของเขา

การพบกันครั้งแรกของ Asushin ในบ้านของเคนสึเกะ ก็เหมือนกับคืนแรกที่ อาสึกะ มาอยู่บ้ามิซาโตะ คือฉาก ชินจิ เห็นอาสึกะเปลือยกายอาบน้ำ ซึ่งใน 2.0 ทั้งชินจิและอาสึกะต่างมีท่าทีเขินอายฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นท่าทีแสดงความสนใจเพศตรงข้ามอย่างชัดเจน ชินจิ เคยเห็น เรแก้ผ้าและสัมผัสหน้าอกของ เร ที่ อาพาร์ทเมนต์ของ เร มาแล้ว แต่ชินจิไม่เคยมีท่าทีแบบเดียวกับที่มีต่อ อาสึกะ ชินจิ มีท่าทีแบบนั้นกับ เรียวจิ คาจิ และ นางิสะ คาโอรุ เพียง 3 คนเท่านั้น แต่สำหรับฉากนี้ใน 3.0+1.0 นั้นแตกต่างไปไม่มีท่าทีเขินอาย ไม่มีการแสดงอารมภ์ใดๆ นอกจากความผิดหวังของอาสึกะ อาสึกะไม่เหลือความอับอายที่จะถูกมองในร่างเปลือย อาสึกะรังเกียจร่างกายนี้ ดังที่เคยพูดไว้ใน Eva extra manga ปฏิกิริยาของ ชินจิ ที่มีต่อเหตุการณ์นี้มีเฉพาะต่อ DSS choker ที่คอของอาสึกะเท่านั้น “ฉันแก้ผ้าอยู่ต่อหน้านายขนาดนี้ นายสังเกตเห็นแต่ Dss choker เท่านั้น ) ชินจิ อาเจียนออกมาบนพื้นบ้าน Dss choker กระตุ้นเตือนให้ชินจินึกถึงฉากการตายของคาโอรุ ซึ่งอาสึกะก็เข้าใจชินจิเป็นอย่างดีถึงขนาดสามารถอธิบายให้เคนสึเกะฟังได้รู้เรื่อง  ( ชินจิก็มีอาการบาดเจ็บทางจิตใจแบบนี้เหมือนกันแต่เป็นในตอนที่ 23 ที่ชินจิเห็น เร จำนวนมากถูกทำลายลงพร้อมๆกัน โดย ดร.ริทสึโกะ หลังจากนั้นชินจิก็มีอาการหวาดกลัว เร เช่นเดียวกัน) หลังจากนั้นอาสึกกะก็กลับมาสวมเสื้อผ้าเล็กน้อยและผ้าพันคอ เพื่อปิดกั้นสายตาชินจิ จาก Dss choker ถึงแม้ว่าอาสึกะจะเข้าใจชินจิขนาดไหนแต่ก็รู้สึกเกลียดเขา เพราะพฤติกรรมของชินจิสะท้อนแต่ด้านแย่ๆในตัวเธอ

การอยู่ร่วมชายคาครั้งแรกของ Asushin ใน evangelion 2.0

ฉากใน 2.0 เป็นแบบโรแมนติกคอมมเมดี้แสดงถึงความสนใจในฝ่ายตรงข้ามในระยะเริ่มต้น

กลับมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันอีกครั้ง

สถานการณ์เดียวกันแต่แสดงเพียงความไม่สนใจเท่านั้น

อาสึกะเกลียดที่เห็นแต่ด้านแย่ๆของเธอในตัวชินจิ

การสื่อสารทางเดียวของอาสึกะ

อาสึกะจึงเมินเฉยเขาและเล่นเกมส์ของเธอต่อไปอาสึกะเริ่มพยายามติดต่อสื่อสารกับชินจิบ้างแต่ก็เป็นเพียงการสื่อสารทางเดียวชินจิไม่ตอบสนองแต่อย่างใด และทุกครั้งที่อาสึกะทำแบบนั้นเธอจะปิดเครื่องเล่นเกมส์เสมอ แตกต่างจากเวลาสื่อสารกับเคนสึเกะที่เธอมักจะเล่นเกมส์พลางพูดคุยไปด้วย อาสึกะก็มีเครื่องเล่นเกมส์เป็นโลกส่วนตัวเหมือนที่ชินจิมีเครื่องเล่นเพลง เป็นสัญลักษณ์ว่าเธอทิ้งโลกส่วนตัวมาเพื่อช่วยเหลือชินจิ แม้อาสึกะจะพยายามสื่อสารด้วยมากขนาดไหนชินจิก็ไม่สนองตอบ อาสึกะยิ่งรู้สึกเป็นกังวลว่าชินจะตายขึ้นมาจริงๆ เมื่อเห็นชินจิอาเจียนอีกรอบเธอจึงบังคับป้อนอาหารให้ด้วยกำลัง

อาสึกะอธิบายความเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับชินจิ

อาสึกะแสดงความเข้าใจในตัวชินจิพร้อมทั้งถามคำถามของเธอ ขณะป้อนอาหาร

บ้านของเคนสึเกะนั้นทีมงานพยายามที่จะทำให้เหมือนกับบ้านของมิซาโตะแม้แต่ชื่อของเคนสึเกะที่อาสึกะตั้ง เคนเคน ก็ยังเพื่อระลึกถึงเพื่อนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพนเพน เพนกวิ้นน้ำพุร้อนเพื่อนของมิซาโตะ นอกจากนี้สาเหตุที่อาสึกะแก้ผ้าตลอดเวลานั้นเป็นแรงขับเคลื่อนทางจิตใจเพราะเธอรังเกียจร่างกายของตนเอง เนื้อหาส่วนนี้ปรากฏอยู่ใน Extra manga และความสัมพันธ์ของเคนสึเกะที่มีต่ออาสึกะแตกต่างจากที่เธอมีต่อชินจิดูจากที่เคนสึเกะเรียกอาสึกะ จะเรียกเฉพาะนามสกุล “ชิกินามิ” ของเธอเท่านั้น เคนสึเกะยังคงไม่เรียกชินจิด้วยชื่อเหมือนโทจิด้วย ยังคงเรียกเขาด้วยนามสกุล “อิคาริ” เท่านั้น นั่นแสดงให้เห็นว่าเคนสึเกะวางตัวห่างจากพวกเขาทั้งคู่ ส่วน Asushin นั้น ชินจิเรียกอาสึกะด้วยชื่อต้นเพราะอาสึกะอนุญาติให้เรียกในภาค 2.0 ส่วนอาสึกะเรียกชินจิว่า ตาบ้าชินจิ นั่นแสดงถึงสายสัมพันธ์พิเศษของ Asushin

กลับมาที่ฉกากป้อนอาหารด้วยกำลังอาสึกะต้องการช่วยชีวิตของชินจิที่ไม่ได้รับพลังงานจากอาหารเลยมาหลายวันซ้ำยังสำรอกเอาอาหารเก่าออกมาอีก (ชินจิลืมวิธีที่จะมีชีวิต ตรงตามคำสัมภาษณ์ของ โมโยโกะ – ฮิเดอากิ อันโนะ) เธอกลัวว่าเขาจะตายจึงบังคับเอาพร้อมทั้งอธิบายความเข้าใจของเธอที่มีต่อตัวเขา และยังตบท้ายด้วยคำถามที่ว่า “รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงพยายามจะชกในครั้งแรกที่พบกันในรอบ 14 ปี “ ความสำคัญของหมัดนั้นก็เหมือนกันกับหนามของเม่นนั้น หมัดนั้นเมื่อนำมาพูดคุยทำความเข้าใจกันก็สามารถปรับความสัมพันธ์จนกลายเป้นเพื่อนสนิทได้เหมือนกันกับ โทจิ และ ชินจิ ที่เป็นเพื่อนสนิทกันแม้จะห่างหายมาถึง 14 ปีแล้วก็ตาม อาสึกะคิดว่าชินจิไม่ยอมฟังคำพูดของเธอเลย แต่ฉากการตอบคำถามในยานวุนเดอร์นั้นแสดงแล้วว่าเขาฟังเธออยู่

ชินจิและโทจิแลกหมัดกัน

ชินจิและโทจิต่างผ่านการพูดคุยกันด้วยหมัดมาแล้วพวกเขาเช้าใจกันจนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันเพราะ ได้พูดคุยกันถึงความขัดแย้งของพวกเขา

จากมุมมองของผู้ชมอาจเป็นเพราะชินจิถูกอาสึกะบังคับให้ออกจากบ้านนั้น แต่อาสึกะยังคงรู้สึกกับชินจิเหมือนเดิมกับเมื่อ 14 ปีที่แล้วเธอแอบติดตามไปดูสังเกตการณ์แต่ไม่เข้าไปทำให้กระบวนการเยียวยาตนเองของชินจิยากขึ้นกว่าเดิม อาสึกะเฝ้าดูจนกระทั่งฝนตกจึงกลับมาที่บ้าน ในจังหวะเดียวกับที่เรก็มาเพื่อจะมาพบชินจิ อาสึกะคิดว่าที่เรมาติดตามดูชินจิเป็นเพราะถูกปรับแต่งให้ชอบเด็กคนที่3 (ชินจิ) เธอเองก็คิดว่าเธอถูกปรับแต่งเช่นกัน (แต่ที่จริงแล้วอาสึกะไม่ถูกปรับแต่ง) อาสึกะบอก เร อย่างถูกต้องลึกถึงตำแหน่งที่เขาอยู่ในปัจจุบันหมายความว่าเธอเฝ้าดูเขาอยู่ตลอดไม่ได้ละทิ้ง เพียงแต่กลับมาหลบฝนเช่นกัน

ชินจิพิจารณาตนเองที่ริมน้ำ

เพียงแต่นั่งโง่ๆมองน้ำก็คงเข้าใจถึงผู้คนรอบข้างไม่ได้หากปราศจาก เร

ชินจิที่นั่งมองน้ำที่ฐานใหญ่ของ nerv เก่า พึงสังเกตว่าเขาไม่ได้ฟัง sdat เหมือนที่เขาฟังเพื่อหลบหนีโลกแห่งความเป็นจริงอย่างที่เขาทำ ใน The end of evangelion แล้วมันเป็นเพราะอะไรกันละ ความคิดแรกเริ่มเป็นเพราะเขาต้องการที่จะอยู่ในโลกความจริง ไม่ต้องการหลบเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัว แต่ความคิดหลังการค้นคว้าจนตกผลึกกลับพบว่า sdat นั้นเป็นเสมือนสิ่งของแทนใจในความสัมพันธ์ระหว่าง ชินจิ - เกนโด และ คาโอรุ ซึ่งทั้งสองนั้นเป็นบุคคลที่ทำให้เขาพบเจอความสุขและสูญเสียมันไปเช่นเดียวกัน ดังนั้นมันจึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้เกิดบาดแผลทางจิตใจเหมือนกับ DSS choker ที่คอของอาสึกะ ชินจิถูกทำลายโลกส่วนตัวไป สถานที่ที่เขาจำต้องยอมอยู่คืออยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงเท่านั้น ดังนั้นชินจิจึงถูก เร Force in เข้าไปในโลกส่วนตัวของเขาได้ ซึ่งเรเป็นเสมือนเด็กทารกอันไร้เดียงสาซึ่งชินจิไม่สามารถขับไล่ จนเธอเข้าใจได้ เร ต้องการเหตุผล ที่ทำไมไม่ยอมให้เธออยู่ด้วย ท้ายที่สุด เร ก็ได้ฝากคำถามให้ชินจิได้คิด “ทำไมเธอมาอยู่ตรงนี้ ที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่เธอปกป้องเหมือนกันหรือ”  เร ซึ่งมีบุคลิกของนักวิทยาศาสตร์ต้องการเหตุผลในทุกเรื่อง

การสื่อสาร 2 ทางครั้งแรกของ asushin

การสื่อสาร 2 ทางครั้งแรก

เมื่อชินจิตกผลึกถึงความคิดได้อย่างที่เขาคิดได้ใน ทีวีซีรีย์ ตอนที่ 25 – 26 นั้นชินจิพูดถึงความเป็นไปได้อื่นในโลกของเขา ใช่ ชินจิใน Tv series และ the end of evangelion เลือกที่จะ Move on จากโลกแห่งความเป็นจริง และเลือกที่จะอยู่ในโลกส่วนตัว อย่างที่ปรากฏในเรื่องราวที่ ชินจิ อาศัยร่วมกับเกนโด และยูอิ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาสึกะ ซึ่งให้ท้ายไม่ขับไล่เขา และ ได้เริ่มต้นรู้จัก เร อีกครั้งทั้งที่ทั้งงหมดแตกต่างจากความเป็นจริงที่ ยูอิ ไม่อยู่ เกนโด ก็ไม่ได้ต้อนรับเขา อาสึกะ ก็มีท่าทีรังเกียจเขา และ เขาก็รับรู้แล้วว่า เร คือร่างโคลนของแม่เขา และมาถูกทำลายลงต่อหน้าเขาด้วย ทั้งหมดคือบาดแผลทางจิตใจของชินจิ ซึ่งเขาอยากเริ่มต้นใหม่ ในโลกส่วนตัวของเขาเอง ดังนั้น มังกะ โครงการพัฒนา อิคาริ ชินจิ นั้นเป็นเพียงจินตนาการในโลกส่วนตัวของชินจิเท่านั้น

แต่ใน rebuild นั้นแตกต่างออกไป ชินจิ เรียนรู้แล้วว่าเขาต้องอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงและต้องอยู่ในโลกร่วมกับผู้อื่นดังนั้นชินจิ จึงเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับ เร ก่อนใครอื่น “คนอื่นคนแรกคือแม่” และหลังจากนั้นชินจิก็กลับมาที่บ้านเคนสึเกะ ซึ่งอาสึกะถามชินจิว่า “หายดีแล้วเหรอ ร้องให้จนน้ำตาไม่เหลือสักหยด” ชินจิ ตอบกลับด้วยเสียง “อือ” เท่านั้น แม้เพียงแค่นั้นแต่นั่นก็เป็นการสื่อสาร 2 ทางครั้งแรก ของ Asushin จากนั้นอาสึกะก็สั่งให้ชินจิไปช่วยงาน เคนสึเกะ ชินจิมีปัญหาในใจอยู่ว่าไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่สำเร็จแถมยังทำให้คนทั้งโลกต้องเดือดร้อนล้มตายอีกด้วย ชินจิ ที่ไม่กล้าจะทำอะไรเลย จึงได้ไม่ยอมทำอะไรเลย การที่ชินจิได้ช่วยงานเคนสึเกะ งานแรกที่เคนสึเกะมอบหมายคือการใช้ให้ชินจิ ตกปลาไปเป็นอาหาร ชินจิ ตอบว่า “ไม่เอาชั้นไม่เคยทำ” ชินจิ มักจะใช้คำพูดในเชิงปฏิเสธอยู่เสมอ แต่เคนสึเกะก็มอบหมายให้ทำ แม้สุดท้ายก็ล้มเหลว ในเรื่องไม่มีฉากไหนที่ชินจิตกปลาได้เลย แต่เขาก็ออกมาตกปลาอยู่เสมอ เคนสึเกะพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกเราตกปลาได้แค่สัปดาห์ละตัวเท่านั้น” จุดนั้นเป็นจุดที่ทำให้ชินจิเปลี่ยนนิสัยทำไปก่อนไม่จำเป็นต้องกลัวที่จะผิดพลาดเสียใจ หรือแม้แต่ยอมรับความผิดหวังเสียใจชินจิก็ยอมรับได้ อีกทั้งการที่เคนสึเกะพาชินจิไปพบกับกับ เรียวจิ คาจิ คนลูก ซึ่งมีภูมิหลังในชีวิตคล้ายคลึงกันกับเขานั่นคือ ทั้งพ่อของเขาเรียวจิ คาจิ สละชีวิตเพื่อปกป้องมนุษยชาติ เหมือนกับ ยูอิ ที่สละตนเองไปเป็นแกนกลางของเอวา 01 และ เขามีแม่ที่รับผิดชอบความอยู่รอดของมนุษย์เช่นเดียวกับกับที่เขามีพ่อ ทั้ง เกนโด และ มิซาโตะ ต่างยืนอยู่ในจุดร่วมเดียวกัน แต่เรียวจิคาจิ กลับเติบโตขึ้นมาได้อย่างมีคุณภาพ นับว่าการที่ได้มาอยู่กับเคนสึเกะทำให้ความคิดของชินจิเป็นผู้ใหญ่

เคนสึเกะสอนชินจิให้รู้จักความผิดหวัง

ความผิดพลาดผิดหวังเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตเป้นผู้ใหญ่

เมื่อชินจิได้เติบโตภายในจิตใจแล้ว เคนสึเกะ และ อาสึกะก็ได้วางแผนที่จะพาอาสึกะไปส่งยังยานวุนเดอร์ ทำไมต้องมีการวางแผนทั้งที่จุดส่งสะเบียงก็อยู่ภายในหมู่บ้าน 3 อาจเป็นเพราะ อาสึกะเป็น ไฮบริดเทวทูต เป็นเสมือน trigger ที่สามารถระเบิดและนำจุดจบมาสู่มนุษยชาติได้เหมือนกับที่ชินจิเป็น ดังนั้นอาสึกะ จึงต้องหลีกเลี่ยงการพบปะกับ ลิลิน เมื่อ ชินจิ มาถึงหน้าบ้านของเคนสึเกะเขาพูดขึ้นว่า กลับมาแล้ว I am home นี่คือการแสดงความรู้สึกของการเป็นครอบครัวเดียวกันเหมือนกับที่ มิซาโตะ เคยขอให้ ชินจิ พูดตั้งแต่ 1.0 ดังนั้นในตอนนี้ชินจิ มองเคนสึเกะเป็นครอบครัวเช่นเดียวกับอาสึกะ แต่กับภาพที่ได้เห็นต่อหน้าในฉากนี้เป็นเสมือนฉากที่ปรากฏแล้วใน ภาค 2.0 และ ทีวีซีรีย์ในตอนที่ 22 ซึ่งทั้งสองฉากเป็นฉากที่อาสึกะแสดงความไม่พอใจที่ชินจิไปสร้างความสนิทสนมกับ เร ซึ่งชินจิเองก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกันแต่เขาเป็นคนประเภทเก็บอารมภ์ความรู้สึกไว้ในใจเท่านั้นไม่แสดงออกชัดเจนเหมือนอาสึกะ บทแบบนี้ทางออฟฟิเชียลก็เคยนำมาใช้ในเกมส์ Evangelion girlfriend of steel ซึ่งมี มังกะออกมาซึ่งชื่อว่า Angelic day ยืนยันว่าฉากจบในเกมส์ที่จบกับอาสึกะกะนั้นคือ true end ของเกมส์ ซึ่งเล่นบทเดียวกันคือ เคนสึเกะ มาบอกรัก อาสึกะ แต่อาสึกะไม่เคยชอบเคนสึเกะ แต่ก็ต้องทำใจยอมรับเพราะ เร ไปบอกรักชินจิ และ ชินจิ ไม่ได้ปฏิเสธ ซึ่งชินจิ ต้องแสดงออกให้อาสึกะรับรู้ในท้ายที่สุดเสมอ  ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น แต่ชินจิก็ไม่ได้ตัดใจจากอาสึกะแต่อย่างใด เพราะชินจิ มี Character song พูดแทนความในใจของเขาคือ เพลง what if โดย yoko Takahashi

ภาพฉากและอารมภ์เดียวกันคือความอิจฉา

ท่าทางของอาสึกะในภาพล่างมีท่าทางเดียวกันกับยูอิในฉากของเกนโด แม้ชินจิจะหันหลังให้อาสึกะแต่ก็แอบมองอาสึกะอยู่นะ

ชินจิรู้สึกแบบเดียวกับอาสึกะ ใน tv serie

I'm home แต่กลับรู้สึกว่าอยู่ห่างไกล

การจากไปของ อายานามิ เร ซิส คนหน้าเหมือน

เรที่หายไปแต่ชินจิเสียใจแต่ไม่ซึมเศร้าเขารับมือกับความสูญเสียได้แล้ว

ชินจิรักษาจิตใจจนหายดีเช่นเดียวกับสุนัข

สุนัขที่เริ่มรักษาตัวพร้อมกันขณะนี้หายดีแล้วเหมือนกันกับชินจิ

การที่เคนสึเกะปฏิบัติต่อชินจิแตกต่างจาก โทจิ และ อาสึกะ ที่ต้องการให้ชินจิได้มีชีวิตที่สงบสุขอยู่ร่วมกับเหล่าลิลิน ที่หมู่บ้าน 3 ทั้งคู่ต่างไม่ฝืนใจชินจิ ไม่ยอมให้เขาเผชิญหน้ากับปัญหาของตนเอง แต่กลับเหมือน กับที่ มาริ ปฏิบัติต่อชินจิ คือการส่งเสริมให้ชินจิออกไปแก้ไขปัญหาของตนเองกับเกนโด ทั้ง มาริ และ เคนสึเกะ อาจจะมีความแค้นต่อการกระทำของเกนโดจึงได้ส่งเสริมให้ชินจิทำในสิ่งที่เขาไม่กล้าที่จะทำ เคนสึเกะ บอกให้ชินจิ ไปสะสางปัญหากับพ่อของเขาไปคุยกัน ส่วนมาริก็ส่งเสริมให้ ชินจิ พูดคุยความรู้สึกดับอาสึกะเหมือนที่เขาทำในห้องกักกันของตน


สิ่งที่สำคัญที่สุดในบทนี้คือการที่สายสัมพันธ์ของอาสึกะที่มีต่อชินจิถูกปิดเผยออกมา อาสึกะยังคงเป้นอาสึกะ ( Asuka always be asuka) อาสึกคอยอิจฉาผู้หญิงหลากหลายคนที่มีความสนิทสนมกับชินจิ ตั้งแต่ในทีวีซีรีย์เดิม ที่มีเรย์เป็นคู่แข่งสำคัญ แต่สำหรับ Roe มีคู่แข่คนสำคัญเพิ่มขึ้นมาอีกคนคือ สึสึฮาระ ซากุระ น้องสาวของโทจิ อาสึกะรู้สึกอิจฉา เมื่อ ซากุระตบหน้าชินจิแล้วปลอบเขา เธอจึงพูดขึ้นด้วยความอิจฉาว่า “เธอเป็นภรรยาเขาหรือยังไง” *ฉากนี้ซ้อนทับกับฉากที่ชินจิถูกเทวฑูตเลริเอลดูดกลืนไปในตอนที่ 16 แต่ตอนนั้นอาสึกะแสดงความอิจฉาต่อมิซาโตะ

อาสึกะอิจฉามิซาโตะ

อาสึกะ:ไหนบอกว่าจะดุด่าว่ากล่าวไง

อาสึกะอิจฉาซากุระ

อาสึกะ:เธอเป็นภรรยาเขาหรือไง

ฉากแรกที่อาสึกะพบกับมารินั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยฉากแฟนเซอร์วิส (ก็ทซึรุมากิเขาอยากได้ตัวละครสาวแว่นเซอร์วิสนี่นา) แต่การหยอกล้อของมารินั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ Shin Evangelion เพราะทำให้เรารับรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของอาสึกะ โดยเฉพาะฉากที่อยู่ใน extra manga มาริพยายามจับคู่ชินจิ-อาสึกะ เสมอ ทันทีที่มาริถามอาสึกะว่า กับ “เจ้าหมาน้อย” ก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว ? อาสึกะตอบว่า “เจ้าบ้านั่นไม่ต้องการคนรักหรอก ต้องการแม่มากกว่า” ประโยคนี้บอกเราได้ 2 อย่างที่ขัดกัน 1.อาสึกะมีความสนใจจะพัฒนาความสัมพันธ์กับชินจิในฐานะคนรัก แต่กลับขยายความต่อไปอีกว่า 2 ชินจิยังคงเป็นเด็กน้อยเหมือนเดิมไม่ได้เติบโตขึ้นเลยเมื่อเทียบกับเธอ อาสึกะพูดคำนั้นขึ้นมาในขณะเล่นวิดีโอเกมส์อาสึกะทำแบบนั้นเสมอเวลาซ่อนความรู้สึก แต่ที่อาสึกะพูดนั้นเราก็รับรู้อยู่แล้วว่าไม่จริงชินจิเติบโตขึ้นมาแล้ว หรืออาจเป็นเพราะอาสึกะอยากเก็บภาพของชินจิในวันที่เธอตกหลุมรักเขาไว้ในใจ เพราะทั้งคู่ต่างมีปัญหาการสื่อสารกันด้วยคำพูดและสีหน้า ทั้งยังไม่พยายามสื่อสารกันด้วย อาสึกะยังไม่รู้ว่าชินจิเปลี่ยนแปลงไปแล้ว

พื้นที่กกันของนักบินของวีเล

อาสึกะทำแบบนั้นเสมอเวลาอยากซ่อนความรู้สึก

มาริ เองก็สนับสนุนให้ อาสึกะ แสดงความรู้สึกต่อชินจิ

มาริ Asushin shipper

แต่เมื่ออาสึกะรับรู้ถึงศึกที่เธอกำลังจะไปต่อสู้ในศึกที่ไม่มีหวังว่าจะรอดกลับมา ก่อนที่จะเข้าสู่การต่อสู้ อาสึกะจึงตัดสินใจที่จะไปพบชินจิ  (เพลง one last kiss theme song ของ Evangelion 3.0+1.0 คือ Character song ของ อาสึกะ ) หลังจากที่มาริแนะนำตัวกับชินจิ ถ้อยคำที่อาสึกะพูดนี้สำคัญมากสำหรับฉากจบ อาสึกะทวงคำถามที่ไม่ได้หวังว่าจะได้รับคำตอบจากชินจิ ไม่เคยคิดว่าชินจิฟังคำพูดของเธอด้วยซ้ำ แต่ชินจิก็ตอบออกมา อาสึกะรู้สึกผิดความคาดหมายที่ชินจิตอบคำถามนั้นด้วยการโทษว่าเป็นความผิดของตัวเขาเอง ที่ไม่ทำอะไร นี่เป็นสัญญานของการเติบโตทางด้านวุฒิภาวะ อาสึกะจึงเปิดใจให้ชินจิแม้จะไม่ทั้งหมด เพราะภาษากายที่อาสึกะแสดงออกมาเหมือน ฉากที่อาสึกะขึ้นลิฟท์พร้อมกับ เร ในภาค 2.0 ที่อาสึกะหึงหวงชินจิจนจะตบ เร แต่เรไม่ยอมให้ตบเหมือนใน TV series (เธอกับฉันไม่ต่างกัน เหมือนเมื่อก่อน)

ภาษากายของอาสึกะเหมือนกับในลิฟท์

อาสึกะยังคงปิดบังความรู้สึกเม้จะเปิดเผยบางส่วนก็ตาม

อาสึกะจะตบเร

ภาษากายแบบเดียวกับที่คุยกับเร แต่อาสึกะก็เปิดเผยอยู่ดีว่าเธอชอบชินจิในภายหลัง

คำพูดของอาสึกะที่พูดออกมาดังนี้ เธอพูดว่าชินจิเติบโตขึ้นมาแล้วแต่ก็ยังไม่เท่ากับเธอ จากนั้นเธอยังบอกด้วยว่าเธอเคยชอบชินจิเมื่อ 14 ปีที่แล้ว จากนั้นเธอก็จากเขามาโดยไม่ยอมให้เขามีโอกาศโต้ตอบความรู้สึกของเธอ ชินจิได้แต่มองพื้นนึกถึงคำสารภาพรักของเธอ คาโอรุก็ปรากฏตัวขึ้นมาบอกว่า “นายต้องหาที่พักกายพักใจที่นายเรียกว่าบ้าน สายสัมพันธ์จะนำทางนายไปเอง แล้วเราจะพบกันอีก”  (ใช่แล้วเราจะพบกันอีก ชินจิกับอาสึกะเฉพาะใน rebuild นี้เคยพบเจอและลาจากันหลายครั้งแล้ว ในวัยเด็กบนขอนไม้ ในเหตุการณ์ เอวา 03 และ ฉากชายหาด

ของเรื่อง ) ข้อความของคาโอรุในจิตใจของชินจิแสดงถึงสายสัมพันธ์กับอาสึกะ ส่วนมาริซึ่งเปรียบเสมือนคาโอรุของอาสึกะนั้นก็เชียให้ชินจิมีกำลังใจและเป็นผู้ใหญ่และพยายามมีปฏิสัมพันธ์พูดคุยถึงอารมภ์และความรู้สึกกับอาสึกะแบบนี้ต่อไป) นี้ต่อไป และถามอาสึกะว่ารู้รู้สึกดีขึ้นแล้วหรือยัง มาริรู้ว่าหนทางที่อาสึกะจะพบความสุขในชีวิตคือการเปิดใจให้กับชินจิ

สายสัมพันธ์จะนำทางนายไปเองะ

คาโอรุ นายจะต้องหาที่พักกายพักใจที่นายเรียกว่าบ้านได้ สายสัมพันธ์ที่ผูกพันธ์นั้นจะนำทางนายไปเอง

แต่ถึงอย่างไรเราก็ไม่สามารถลืมได้ว่าอาสึกะสารภาพรักกับชินจิด้วยความคิดที่ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเธอ (มันแค่เกือบจะเป็นอย่างที่เธอคิด)

มาริ ก็คือ คาโอรุ ของอาสึกะ

ปลั๊กสูทใหม่ที่เอาไว้ใส่ลงโลง

คาโอรุของชินจิ

มาริคือคาโอรุของอาสึกะ


การแก้ไขปัญหาของ 2 พ่อลูกอิการิ ซึ่งก็เหมือนกับปํญหาระหว่างชินจิ และ อาสึกะ หากย้อนกลับไปดูใน EOE อาสึกะได้แก้ไขปัญหาขาดความอบอุ่นจากครอบครัวเพราะได้พบกับ soryu kyoko zeppelin ซึ่งสถิตร่างภายในเอวา 02 ระหว่างการต่อสู้กับ jsdf และ เอวารุ่นผลิตจำนวนมาก ดังนั้นที่เธอเข้าใจว่าแม่ของเธอทอดทิ้งและหลงลืมเธอไปแล้วเป็นเพียงการเข้าใจผิดของเธอเพียงฝ่ายเดียว แม่ของเธออยู่กับเธอเสมอมาภายในเอวา 02 และคอยปกป้องเธออยู่เสมอ แต่ ใน EOE ไม่ได้กล่าวถึงปัญหาของ ชินจิ และ เกนโด พ่อของเขา ชินจิยังคงปราศจากความเข้าใจเกี่ยวกับพ่อของเขา ทั้งเรื่องนอกจากฉากที่พ่อลูกได้คุยกันหน้าหลุมศพเปล่าของ อิคาริ ยูอิ ในตอนที่ 15 นั้นเป็นเพียงการพูดคุยเพียงครั้งเดียวซึ่งก็ไม่ได้ช่วยให้เข้าใจกันและกันได้อย่าง อาสึกะและแม่ของเธอ แต่ชินจิกลับได้เรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่กับความทุกข์เพียงเพื่อจะรับความสุขเล็กๆน้อยอันคุ้มค่า อันมีชื่อว่าความหวังแทน เขาเลือกที่จะกลับมาอยู่ในโลกที่มีเอทีฟิลด์และร่างเนื้อแทน เมื่อ Asushin ต่างเข้าใจถึงปัญหาของตนเองพวกเขากลับมามีชีวิตอยู่บนชายหาดในบทส่งท้าย one more final : I need you ทะเลสีแดงอันเป็นฉากสัญลักษณ์ที่พวกเขาต่างแสดง true self , true feeling ของกันและกัน

true self true feeling

true self true feeling ดูคำอธิบายตอนจบของ the end of evangelion 

ยอมรับความทุกข์เพื่อความสุขเพียงเล็กน้อย

เลิกคาดหวังที่จะได้รับความรักจากพ่อ (นั่นคือการมูฟออน) หวังที่จะได้รับความสุขเล็กๆจากสายสัมพันธ์จากผู้คนรอบข้างแทนที่ นี่คือการหนีจากปัญหาความไม่เข้าใจเพียงชั่วคราวแบบเดียวกับที่อาสึกะทำมาตลอด จนได้สติภายใน เอวา02

อาสึกะได้พบกับแม่ของเธอในฉบับมังกะ

อาสึกะได้พบแม่ของเธอที่สถิตวิญญาณภายในเอวา 02

ใน ROE นั้นนำเสนอได้แตกต่างจาก EOE ที่คราวนี้พ่อลูกอิการิได้ทำความเข้าใจ หากยังจำกันได้ เคยได้นำเสนอบทอภิปรายเรื่อง ทฤษฏีความทุกข์ของตัวเม่น (Hedgehog Dilemma) มาแล้วและการแก้ปัญหานั้นไม่ใช่การมูฟออนหนีห่าง เปลี่ยนความไม่เข้าใจให้กลายเป้นความเกลียดชัง อย่างที่อาสึกะเคยทำเป็นลืม และ ชินจิหนีห่าง ใน NGE tv series เพราะทั้งคู่ต่างไม่สามารถทำเป้นลืมได้จริงๆปัญหานั้นยังคงฝังลึกภายในจิตใจ เหมือนที่อาสึกะถูกเทวทูตอาราเอลขุดปัญหาของเธอขึ้นมา กวนน้ำให้ขุ่นจนดื่มไม่ได้ ปัญหายังคงอยู่แม้จะมองไม่เห็น แต่ ROE ไม่ทำเป็นมองไม่เห็นถึงปัญหา พ่อลูกอิการินำปัญหานั้นมาคุยกัน จนกระทั่งชินจิและเกนโดต่างเข้าใจกันและกัน เมื่อเกนโดเข้าใจในตนเองแล้ว และชินจิเข้าใจในตัวพ่อของเขาแล้ว

แก้ไขความฝันเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกผิดของเกนโด

เกนโดและชินจิทำความเข้าใจกัน

ซากของเอวา 02 ทำให้ชินจิเกิดอารมภ์ความรู้สึก

ใน the end of evangelion ทุกคนล้วนบังคับให้เขาขับเอวา แต่ 3.0+1.0 ทุกคนขัดขวางไม่ให้เขาขับเอวา ชินจิขับเอวาด้วยเจตจำนงเสรีของเขาเอง

พูดถึงเนื้อหาที่ชินจิคุยกับเกนโดในฉากนั้นจะเห็นว่าในฉากนั้นโดยส่วนใหญ่แล้วเป็นภาพสเก็ตซ์เป็นเพราะเกนโดเล่าให้ชินจิฟัง แล้วชินจิจินตนาการตามทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงความคิดในจินตนาการของชินจิเท่านั้น ก่อนที่จะเข้าสู่ฉากต่อสู่ของเกนโด เกนโดพูดว่า “ที่นี่เป็นโลกแห่งความทรงจำของแก ประสาทสัมผัสของเราไม่อาจรับรู้ปฏิจักรวาลได้ ด้วยเหตุนี้ LCL จึงจำลองสภาพแวดล้อมที่เสมือนจริงที่เราสามารถรับรู้ได้ “ ดังนั้น ชินจิจึงไม่มีทางรู้จักเรื่องราวและสถานที่ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเขาเกิดได้ มันจึงถูกนำเสนอออกมาในฐานะของภาพสเก็ชแทน

ฉากเสก็ตซ์จากคำบอกเล่าของเกนโด

ภาพเกนโดเล่นเปียโนเป็นภาพสเก็ตช์อาจเป็นเพราะชินจิไม่เคยเห็น

ชินจิเคยเห็นเกนโดเล่นเปียโนในความทรงจำ

แต่ทำไมในวินาทีถัดมากลับเห็นเป็นภาพชัดเจน หรือว่าชินจิอาจเคยเห็นเกนโดเล่นเปียโนจริงๆ

จาก eva extra ex manga ยืนยันว่าชินจิเคยเห็นเกนโดเล่นเปียโน

ภาพทางซ้ายชินจินอนดูคนเล่นเปียโนอยู่กับพื้น ชินจิอาจเคยเห็นเกนโดเล่นเปียโนจริงๆ (ภาพจาก Eva extra ex manga) 

อีกส่วนหนึ่งที่ต้องพิจารณาทำไมเกนโดถึงจำยูอิไม่ได้ ทั้งที่เขาน่าจะจำได้แม่นฝังลึกลงไปในใจ “ยูอิ ยูอิ คุณอยู่ไหน ทุกคนคือ เร หมดเลยหรือ” หากจะบอกว่าเกนโดลืมยูอิ คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทั้งที่เปิดฉากที่เขาเล่าเขาก็มองภาพของยูอิออก แต่หากเปลี่ยนเป็นว่า เกนโด เล่าให้ชินจิฟังละว่ายูอิหน้าตาเป็นอย่างไร ตัวละครในเอวาเกเลียนสื่อสารกันไม่ค่อยเก่งนัก หากเกนโดบอกชินจิว่ายูอิก็หน้าตา คือ ๆ กันกับ เร ภาพในใจชินจิจะปรากฏภาพของเร ขึ้นมาในทันที เริ่มต้นมีภาพสีก็ในทันทีที่ชินจิเกิดขึ้นมา โดยภาพแรกเป้นภาพของเมือง หลังจากนั้นคือเปียโน และสิ่งที่ชัดเจนที่สุดว่านี่คือความทรงจำของชินจิ คือภาพ ของมาริ และ ฟุยุสึกิ ที่เป็นภาพในปัจจุบันเป็นรูปลักษณ์ที่ชินจิรู้จัก ทั้งที่ในยุคนั้นก็มีภาพของมาริ และ เคยเห็นภาพเกนโดและฟุยุสึกิในช่วงที่พวกเขาพึ่งพบกันแล้วใน NGE tv series แต่ทีมงานกลับตั้งใจใช้ภาพในปัจจุบันเพราะนี่คือความทรงจำของชินจิ (ชินจิพึ่งเคยคุยกับฟุยุสึกิครั้งแรกในตอนที่เล่นโชกิกันใน 3.0 อีกทั้งเขายังบอกอีกด้วยว่าชินจิถูกลบความทรงจำ)

มาริและฟุยุสึกิจากความทรงจำของชินจิ พวกเขาอยู่ในยุคปัจจุบัน

มาริและฟุยูสึกิอยู่ในรูปลักษณ์ของปัจจุบัน เพราะชินจิไม่รู้จักพวกเขาในอดีต

ชินจิก็จำไว้ว่า ยูอิของเกนโด ก็เหมือนอาสึกะของเขา

ยูอิของเกนโด ก็เป็นเหมือน อาสึกะของชินจิ

เกนโดได้รับการปลดปล่อย

ชินจิแก้ไขความทรงจำของเกนโดไถ่ความรู้สึกผิดบาปของพ่อที่เคยทอดทิ้งเขา ชินจิเคยใช้วิธีนี้แล้วเป้นการแก้ไขความทรงจำของเขาเอง ที่ได้บีบคออาสึกะ ใน the end of evangelion ใน roe ใช้ความฝันแก้ไขความจริง แต่ Eoe ใช้ความฝันแก้แค้นความจริง

เกนโดก็ลงจากรถไฟละทิ้งตำแหน่งควบคุมแผนพัฒนามนุษยชาติให้อยู่ในมือของ ชินจิ และ คาโอรุ ทาบริส เทวทูตแห่งเจตจำนงเสรี ชินจิซึ่งถูกครอบงำโดยเมไจของตัวเขาเองมาตลอด แต่ในขณะที่เขาเลือกด้วยตนเองที่จะขึ้นขับเอวา 01 นั้นเป็นเจตจำนงเสรีของเขาเอง คาโอรุเป้นสัญลักษณ์ของชินจิไม่ถูกครอบงำ ขณะที่เกนโดสละทุกอย่างที่เขามีเพื่อสานปณิธานของเขาเพื่อจะได้พบภรรยาของเขาอีกครั้ง ชินจิกลับแสดงออกว่าเขาสามารถสละคนรักของเขาได้เพื่อประโยชน์สูงสุดของเธอและคนอื่นๆ แม้จะต้องใจสลายเขาก็ยอมรับได้ นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของชินจิที่เขามักจะคิดถึงแต่เรื่องของตนเองเท่านั้น แต่ครั้งนี้เขาเสียสละทุกอย่างโดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆสำหรับเขา แต่ทั้งหมดเพื่ออาสึกะและคนอื่นๆ (ชินจิ เรียกชื่อ อาสึกะ แยกจากคนอื่น เพราะมีความสัมพันธ์พิเศษระหว่างกัน) นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดของชินจิแตกต่างจากที่เขาเคยทำใน NGE และ EOE ขณะนี้เขาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว 

อัตราซิงโครเป็นอนันต์

ค่าซิงโครเป็นอนันต์ชินจิคือตัวตนเดียวกันกับเอวา 01

เขาต้องการสร้างโลกที่ไม่เคยมีเอวาเพื่อลบผลพวงความทุกข์ทรมานที่ ที่เป็นผลจากการที่มีเอวา ความทุกข์ทรมานสำหรับเขาเพื่อนๆของเขา และมนุษยชาติทั้งมวล โดยที่มีแต่ผลเสียร้ายแรงที่สุดสำหรับตัวเขานั่นคือชีวิตของเขาเอง เขาจะต้องใช้หอกเล่มไหม่ (หอกไกอัส,หอกของวุนเดอร์) ที่มิซาโตะส่งมาให้ เพื่อแทงตัวเขาเองในขณะที่ค่าซิงโครของเขากับเอวา 01 มีค่าเป็นอนันต์ เท่ากับว่าการบาดเจ็บของเอวาคือการบาดเจ็บของตัวเขาเอง (แฟนอนิมาเห็นอะไรไหม? ขณะนี้เอวา 01 คือร่างกายของชินจิ) การที่เขาแทงเอวาบูชายัญคือการบูชายัญตัวเขาเอง ผลแห่งการกระทำนั้นคือความตายของตัวเขาเอง (note ผู้เขียน โลกไม่ได้ทุกข์ทรมานเพราะเอวาแต่แท้จริงแล้วทุกข์ทรมานเพราะมีกลุ่มคนอย่างเซเลต่างหาก ซึ่งดูเหมือนชินจิจะไม่รู้จักพวกเซเลเลยสักนิด ดูจากในฉากชานชลา Dss choker ที่เป็นเทคโนโลยีของเซเลก็ยังอยู่ดังนั้นเซเลยังคงมีตัวตนอยู่ในโลกใหม่ที่ไม่มีเอวา)

โลกกลับมาฟื้นฟูตนเอง โลกใบเดิม

โลกใบเดิมใบเดียวที่กำลังลบล้างผลจากการที่มีเอวาไปสู่โลกใบเดิมที่ไม่เคยมีเอวาอยู่ สั้นๆ ไม่มีหรอกโลกคู่ขนานทุกคนอยู่บนโลกใบเดียวกัน

ที่น่าสนใจในฉากนี้คือ ชินจิไม่ได้บอกอาสึกะสักนิดเลยว่าเขากำลังจะทำอะไร แต่กลับยอมบอกเรทุกอย่างโดยไม่ปิดบัง ทั้งยังบอกด้วยว่ามาริจะมาช่วยเหลือเขา

ยืนยันว่ามีโลก 2 ใบ

ชินจิบอกกับเรทุกอย่างหมดเปลือก

จากจุดนี้เราเข้าใจสถานการณ์ของชินจิก็เหมือนกับอาสึกะก่อนหน้านี้ เขาก็คิดเหมือนกันว่าเขาไม่อาจจะกลับมา ไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับเขา ดังนั้นดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างระหว่างอาสึกะและชินจิ


คนแรกที่ชินจินึกถึงและตั้งใจที่จะช่วยเหลือเธอ อาจเป็นเพราะมาริร้องขอให้เขาเช่วยเจ้าหญิง

จากนี้เป็นฉากสัญลักษณ์ที่มาจาก EOE ก็คือฉากทะลสีแดงที่ปรากฏในบท one more final : I need you เพียงต่างกันในรายละเอียดเล็กน้อยเท่านั้น จาก EOE ฉากทะเลเป้นฉากที่ Asushin ต่างแสดงความรู้สึกต่อกัน สิ่งเดียวที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดคือดวงจันทร์สีขาวอันสวยงาม (สำหรับชาวญี่ปุ่นนั้นดวงจันทร์คือสัญลักษณ์ของการบอกรัก Tsuki wa utsukushīdesu ne , The moon is beautiful isn’t it ซึ่งเป้นการแปลคำว่า I love you ของภาษาอังกฤษมาเป็นคำญี่ปุ่น โดย นัทสึเมะ โซเซกิ

ดวงจันทร์สัญลักษณ์ของการบอกรัก

ดวงจันทร์สัญลักษณ์ของการบอกรัก

จากการที่อาสึกะได้รวมวิญญาณกับร่างต้นแบบของชิกินามิซีรีย์ทำให้เราสามารถสันนิษฐานได้ว่า อาสึกะเองก็ลืมไปแล้วว่าเธอเคยพบกับชินจิแล้วในวัยเด็ก อาสึกะถูกลบความทรงจำเหมือนกับชินจิหรือเปล่า ? ที่เรามั่นใจได้อยู่เรื่องหนึ่งคือ อาสึกะและชินจิเคยพบกันที่ขอนไม้ที่ตุ๊กตาเคนสึเกะปรากฏตัว เนื่องจากว่าเครื่องเล่นเกมส์ของอาสึกะ คือเครื่อง wonder swan ของ Bandai ซึ่งวางขายเฉพาะในญี่ปุ่นแล้วอาสึกะที่อยู่อาศัยในฝรั่งเศสจะมีเครื่องนี้ได้อย่างไร นอกจากมีคนจากญี่ปุ่นหิ้วไปให้ และเกมส์ที่เล่นอยู่ประจำคือ gunpei ที่มีเนื้อหาในโหมดเนื้อเรื่องคือการที่ผู้ชายเข้าปกป้องช่วยเหลือผู้หญิง อาสึกะคาดหวังให้ชินจิปกป้องคุ้มครองดูแลเสมอมา แม้แต่ในภาค 3.0 ทั้งที่อาสึกะกับชินจิตีกันอยู่แท้ๆ แต่เมื่ออาสึกะเปิดเอนทรี่ปลักของชินจิกลับต่อว่าสุดท้ายนายก็ไม่ได้มาช่วยฉันสินะ (ทั้งที่ตีกันอยู่เมื่อกี้แท้ๆ) ซึ่งมีคำตอบในใจอีกแล้วคงต้องแปลบทความจากจีนมาลงเครดิตของ Jason hi

ยูอินำลูกปัดบนหัวของอาสึกะมาให้ชินจิ

ในทีวีซีรีย์ชินจิไม่ได้พบกับอาสึกะในวัยเด็ก แต่ ยูอิก็นำเครื่องประดับบนหัวของอาสึกะ (ลูกปัดบนหัวของอาสึกะมาให้ชินจิ) ตอนที่ 16

จากการช่วยเหลือของชินจิคำสาปของเอวาหายไปจากร่างการของอาสึกะ อีกทั้งเทวทูตบาดิเอลที่รวมร่างกับเธอก็ถูกเกนโดใช้เป็นทริกเกอร์สำหรับการปลุกลิลิธจินตภาพแล้ว ในตอนนี้เธอจึงเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาเท่านั้นเธอจึงสามารถนอนหลับได้เหมือนมนุษย์ทั่วไป ปลักสูทของเธอเองก็เปลี่ยนไปเหมือนกับของ โซริว อาสึกะ แลงเลย์ ใน NGE นี่คงเป็น Easter egg เท่านั้น จึงไม่ขออธิบายถึงรายละเอียด ถึงแม้ว่าจะเป็นชุดของ โซริว แต่ เธอก็ยังคงเป็น ชิกินามิ สถานที่ภายในเอวานเกเลียนล้วนเป็นสัญลักษณ์เสมอ นี่จึงอาจเป็นฉากสัญลักษณ์ถึง EOE ซึ่งเป็นสถานที่แห่งความหลังของแฟนๆ ว่าที่นี่คือสถานที่ที่ Asushin เปิดใจกัน

ฉากเดิมที่เปลี่ยนบรรยากาศ

ทะเลสัญลักษณ์ที่พยายามทำให้นึกถึงทะเลสีแดง ใน EOE แต่ไม่ใช่สถานที่เดียวกัน

เหตุการณ์จาก สปินออฟ angelic day

girlfriend of steel ก็ใช้ฉากทะเลแต่ว่าไม่มีแผนพัฒนามนุษยชาติจึงไม่มีทะเลสีแดงให้เห็นใช้แค่ทะเล

ในจักรวาลนี้ก็มีผู้ที่เดินทางข้ามไทม์ไลน์และกาลอวกาศ (ในฉากของคาโอรุและชินจิบอกว่าพวกเขาเดินทางข้ามไทม์ไลน์และปฏิจักรวาลเพราะพวกเขาไปในฉากของ NGE ด้วยกัน) ถึงแม้จะไม่ได้รู้ทุดเรื่องราวรายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นใน ลูปก่อนหน้า มีเพียงแค่ความรู้สึกว่าพบกันมาก่อน( ชินจิก็รู้สึกว่าเคยพบอาสึกะมาก่อนในฉากจบในเวอร์ชัน มังกะ) Déjà vu เท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญนั้นคือการส่งข้อความบอกผู้ชมว่าทั้งหมดนั้น ไม่ว่าจะเป็น NGE+EOE หรือ ROE แม้แต่ Anima ต่างเป็น Cannon ทั้งหมดแม้จะต่างในรายละเอียดแต่ก็สอดคล้องกัน

การพบกันอีกครั้งในมังกะ

ชินจิในโลกที่รีเซ็ตแล้วคิดว่าเขารู้จักอาสึกะมาก่อน

อาสึกะบนชายหาดนั้นได้เติบโตขึ้นอาจอยู่ในวัย 17 ปี อาสึกะไม่ได้ตื่นมาตลอด 14 ปีที่ชินจิหลับไหล มุมกล้องในฉากนี้ใช้มุมกล้องเดียวกันกับที่เคยใช้ใน EOE นี่เป็นการเชื่อมโยงพหุจักรวาลเข้าด้วยกัน Asushin ต่างเปิดเผยความรู้สึกของตนบนชายหาด อาสึกะบ้าง(อนิมา+EOE) ชินจิบ้าง(ROE) (ดูเหมือนว่าทาง official จะยอมรับข้อความที่ปรากฏอยู่ในโดจิน re-take ด้วยเพราะสื่อสารข้อความเดียวกัน) ทะเลนี้นอกจากปรากฏใน EOE และ ROE แล้วยังปรากฏใน Anima และที่ไม่เข้าพวกที่สุด คือ angelic day (girl friend of steel) ในฉบับมังกะ

สิ่งที่เกิดขึ้นในฉากชายหาด

1.อาสึกะพบว่าชินจินั่งอยู่ข้างเธอในเวลาที่เธอตื่น และเธอเรียกเขาว่า “ตาบ้าชินจิ” แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอโกรธเกลียดเขา (จากบทสัมภาษณ์ของเซยู โมริยามะ baka shinji ครั้งสุดท้ายเปรียบเหมือนจดหมายรักถึงแฟนๆ Asushin)

2.ชินจิบอกอาสึกะว่าเขาดีใจที่พบเธออีกครั้งและตอบรับด้วยการขอบคุณที่เธอบอกให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกของเธอในยานวุนเดอร์

3.ชินจิบอกเธอว่าเขาเองก็รู้สึกแบบเดียวกันแม้ว่าจะเป็นอดีตไปแล้ว นี่เป็นวิธีการที่ตรงไปตรงมากว่าการเขาบีบคออาสึกะ ใน EOE ชินจิต้องการส่งข้อความโดยตรงถึงเธอและผู้ชม และเขายังต้องการส่งเธอกลับไปยังโลกที่ไม่มีเอวา และสำคัญที่สุดเขาไม่คิดว่าจะมีวันพรุ่งนี้สำหรับเขานั่นคือความรู้สึกที่เขามีเหมือนกับอาสึกะ

4.อาสึกะรู้สึกประหลาดใจที่ความรู้สึกของเธอถูกตอบรับด้วยความเขินอายเธอยังคงซ่อนความรู้สึกไม่ต้องการให้ชินจิเห็น ถึงกระนั้นเราก็ได้เห็นอาสึกะเขินอายและยิ้มอย่างมีความสุข(ความรู้สึกของเธอไม่เคยเป้นอดีตเช่นเดียวกันกับชินจิ)

กริยาอาการของอาสึกะเท่าที่ปรากฏในภาพยนตร์ และ มังกะ extra ex นั้นแสดงออกชัดเจนว่าเธอยังคงรักเขา ส่วนชินจินั้นเขายังคงซ่อนความรู้สึกด้วยการไม่เปลี่ยนทาทางทั้งที่ยังทำหน้าเศร้า และที่เขาว่าเมื่อก่อนเขาเคยชอบเธอนั้น เมื่อก่อนของเขายาวนานเท่าไร อาจเป็นเพียงหน่วยสัปดาห์หรือเดือนเท่านั้น เนื่องจากว่าเขาหลับอยู่ในเอวา 01 มาตลอด 14 ปี เราจึงรับรู้ได้ว่าชินจิยังคงรักอาสึกะเช่นกัน

เมื่ออาสึกะดีดเอนทรีปลักออกจากเอวา 13 คาโอรุผู้ที่รู้จักทุกลูปที่เกิดขึ้น เขาถามชินจิว่า “แล้วนายไม่เหงาหรือที่ปล่อยเธอไป” ชินจิยังคงใช้ภาษากายแบบเดิมปิดบังความรู้สึกทั้งที่ยังทำหน้าเศร้า พูดว่า ”ไม่” (เหมือนเตาหนวดอันโนะ ที่เคยถูกถามว่า คุณจะคิดถึงเอวานเกเลียนอีกหรือไม่ เขาก้ตอบว่าไม่ แต่เ ตัวละครเอวาติดตามไปทุกงานของอันโนะ ชินก๊อดวิลลาก็ยังมี ชินจิ เร และ อาสึกะ) ชินจิต้องการเสียสละตนเองเพื่อความสุขของอาสึกะและคนอื่นๆ (คาโอรุรู้ความสัมพันธ์ของชินจิและอาสึกะในทุก loop และปฏิจักรวาล)

จากนี้ไปเป็นการเชื่อมโยงกับทฤษฏี เมื่อชินจิบอกอาสึกะว่า “ลาก่อนอาสึกะฝากทักทายเคนสึเกะด้วยนะ” แม้นี่จะทำให้หวนระลึกถึงคำพูดของอาสึกะที่เคยบอกว่า เมื่อก่อนเธอชอบเขา แต่เธอเป้นผู้ใหญ่กว่าเขาไปแล้ว นั่นทำให้เขาสามารถสรรหาคำพูดอย่างดีที่จะไม่ทำให้เรื่องราวยากขึ้น (จากประสบการณ์ของเร Q เรได้เรียนรู้แล้วว่าคำว่าลาก่อนนั้นหมายถึงอยากพบกันอีกครั้ง นั่นบอกเราได้ว่าชินจิอยากพบอาสึกะอีกครั้ง)

จากประโยคที่พูดถึงเคนสึเกะ ชินจิรับรู้ว่าอาสึกะเองก็ต้องการคนที่จะมาปฏิบัติต่อเธออย่างมนุษย์มิใช่เครื่องมืออย่างที่เธอเกิดมา ทำให้หวนนึกถึงคำพูดจาก NGE คำนี้ “คนอื่นคนแรกคือแม่” อาสึกะไม่เคยได้สัมผัสถึงความอบอุ่นจากคนที่สามารถให้ความรักกับเธอได้ในฐานะของพ่อแม่ผู้ปกครอง ชินจิอยากให้เธอรับรู้ว่าเธอมีสถานที่ที่เรียกว่าบ้านและได้รับความรักความอบอุ่นเฉกเช่นที่มนุษย์คนหนึ่งจะพึงมีได้ เพื่อให้เธอสามารถมีความสุขได้ในโลกที่ปราศจากเอวา ในโลกที่ไม่มีเขา นี่เป็นไปเพื่อความสุขของอาสึกะเอง ชินจิมอบให้แก่เธอโดยปราศจากการคิดถึงผลประโยชน์ของตัวเขาเอง เขาแสดงความรักความอบอุ่นของเขาแก่เธอในแบบของเขา

รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับฉากของอาสึกะที่ถูกปฏิบัติอย่างเครื่องมือชิ้นหนึ่ง

1.ทุกสถานที่ที่ปรากฏออกมาล้สนเป็นสถานที่ที่ Asushin มีความทรงจำร่วมกันไม่มีสถานที่ไหนที่อาสึกะอยู่กับเคนสึเกะ ชินจิต้องการให้เธอรับรู้ว่าเธอสามารถหาสถานที่ของตนเองได้ the place where I belong เพราะเขาไม่สามารถเติมเต็มให้เธอได้เพราะเขากำลังจะไปตาย

2.สึกะตัดพ้อน้อยใจในชีวิตโลกนี้ไม่มีที่ไหนเลยที่เธอเรียกว่าบ้านได้ (แม้ว่าจะเคยอยู่กับเคนสึเกะมาบ้างก็ตาม) ชินจิอยากชี้ให้อาสึกะเห็นว่าเธอสามารถอยู่กับเคนสึเกะได้

3.สำหรับคำถามว่าทำไมเคนสึเกะจึงเรียกอาสึกะด้วยชื่อต้นไม่เรียกด้วยนามสกุลอย่างที่เคยเรียกและทันทีหลังจากที่ เคนสึเกะพูดคำว่า “อาสึกะก็คืออาสึกะ” เธอก้ตื่นจึ้นมาโดยมีชินจินังอยู่ข้างๆ ตุ๊กตาที่มีเคนสึเกะอยู่ข้างในปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่สตูดิโอในฉากของเร คนที่เรียกอาสึกะว่าอาสึกะนั้นมีเพียงชินจิเท่านั้นที่ได้รับอนุญาต ใน ภาค 2.0 นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่า คนที่ปลอบอาสึกะในความทรงจำคือชินจิเอง และชินจิได้พบอาสึกะแล้วบนขอนไม้นั่น จำได้ไหมว่ากล่าวถึงแล้วว่านั่นคือความทรงจำของชินจิ ที่ LCL สร้างขึ้นเพราะประสาทสัมผัสของมนุษย์ไม่สามารถรับรู้ปฏิจักรวาลได้

หลังจากนั้นทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีที่มุมกล้องแสดงให้เห็นอาสึกะกำลังหลับตา มาริก็ปรากฏตัวถัดออกไปจากตัวเธอ แต่มาริมาทำไม? คำถามนี้ทำเอาไปไม่ถูกเช่นกัน แต่ก็บอกได้เพียงว่ามาริเป็นอะไรหลายอย่างมากกว่าที่เราคาดคิด เรื่องแรกคือเธอมีความรู้ทางด้านปฏิจักรวาลไม่ต่างจากคาโอรุ ถ้าตัดเรื่องที่มาริเป้นเหมือนกับอวตารของทีมงานผู้สร้างเอวานเกเลียนออกไปจะตีความอย่างไร

รูปภาพ45

มาริมาบอกลาอาสึกะ นั่นหมายความว่ามาริมีความสามารถในการเดินทางข้ามปฏิจักรวาลได้เหมือนกับคาโอรุ ชินจิอาจจะไม่เห็นว่ามาริอยู่ตรงนั้นเหมือนที่ไม่มีใครเห็นคาโอรุเหมือนชินจิ

หากตัดออกไปเลย มาริมาบอกลาอาสึกะ มาริเป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมระหว่างชินจิและอาสึกะ และเป็นเพื่อนสนิทของอาสึกะ นี่อาจจะเป็นสถานการณ์คู่ขนานระหว่างชินจิและอาสึกะ เพราะชินจิมีคาโอรุที่เป็นเพื่อนผู้รู้จักเขาดียิ่งกว่าตัวเขาเองและยังมีความรู้ในทุกลูปและปฏิจักรวาล คาโอรุจึงมาพบชินจิแม้ว่าจะตายจากไปแล้วได้ มาริเองก็มีความสามารถเดินทางข้ามปฏิจักรวาลเช่นกัน มาริจึงเป็นคาโอรุของอาสึกะ

หากไม่ตัดประเด็นที่มาริเป้นทีมงานผู้สร้างเอวาเกเลียน สังเกตดูชื่อหนังสือที่มาริถืออ่านจาก extra ex มังกะ หนังสือที่ชื่อว่า “นิยายไซไฟ คุณก็เขียนได้” นั้นดูเป็นหนังสือเฉพาะทางสำหรับผู้ทำงานในวงการผลิตภาพยนตร์และสื่อสิ่งพิมพ์แนวนิยายวิทยาศาสตร์(แบบเดียวกับเอวา) และยังมีข้อพิสูจน์อื่นๆอีก นั้นจะตีความได้ว่ามาริในฐานะทีมงานมาบอกลาอาสึกะในฐานะเอวาเกเลียน

หลังจากที่มาริบอกลาอาสึกะเธอก้ตื่นขึ้นมาอยู่ในเอนทรี่ปลักที่ไม่คุ้นเคยมันไม่ใช่ของเอวา 02 ของเธอแต่เป็น เอวา 13 โดยที่เราไม่รู้ว่าอาสึกะยินยอมดีดปลักออกไปด้วยตนเองหรือไม่ เราไม่รู้แม้แต่ทางเลือกและความรู้สึกของเธอที่ต้องทิ้งชินจิไว้เบื้องหลัง

 จะพูดยังไงก็ได้แต่แววตานายไม่เปลี่ยน

แล้วนายไม่เหงาเหรอ ชินจิยังคงนั่งท่าเดิมเหมือนไม่เป็นไรแต่ก็ยังมีสีหน้าเศร้า ตอบว่า ไม่ฉันยอมรับอาการใจสลายได้

หลังจากฉากของเรและคาโอรุ ชินจิกำลังเริ่มบทปฐมกาลใหม่


เมื่อจบฉากของเรและคาโอรุแล้วชินจิก็พร้อมที่จะเสียสละตนเองเพื่อเริ่มบทปฐมกาลใหม่ ลบล้างบาปของมนุษย์ที่ให้กำเนิดเอวาเกเลียนขึ้นมา เขาจะต้องนำหอกที่สร้างขึ้นใหม่ หอกไกอัส/หอกของวุนเดอร์ เขาเตรียมพร้อมที่จะแทงตนเองแล้วแต่ทว่า ยูอิผู้สถิตอยู่ภายใน EVA01 ก็ปรากฏตัวออกมาดีดชินจิให้พ้นทางหอก เธอยินดีที่จะเสีสละวิญญานของตนเองเพื่อให้ชินจิลูกของเธอได้มีชีวิตอยู่ในโลกที่ปราศจากเอวา คราวนี้นอกจากยูอิแล้วยังมีเกนโดที่ปรากฏตัวออกมาในร่างของเอวาหมายเลข 13 ที่โอบกอดหมายเลข 01 ไว้ และใช้แขนอีกคู่จับหอกเพื่อแทงเอวาทั้ง 2 พร้อมกัน ไม่เพียงแค่ยูอิแม้แต่เกนโดก็พร้อมเสียสละเพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ระทมของชินจิ

ยูอิเสียสละตนเองแทนเขา

ชินจิถูกยูอิดีดออกจากเอวา 01 เพื่อให้เขาได้มีชีวิตในโลกที่ปลดเปลื้องทุกข์จากการมีเอวาแล้ว

เกนโดเพียงแต่ต้องการมาส่งยูอิ

เกนโดมาส่งยูอิ พ่อและแม่ของเขาได้เสียสละตนเองแทนชินจิ

การเสียสละของพ่อแม่ชินจินั้นฉากนี้ดูเหมือนฉากที่ชินจิลอยขึ้นมาบนผิวน้ำใน EOE ขณะนี้ชินจิกลับมาที่โลกปฏิจักรวาลเพียงลำพัง

ชินจิรอคอยอย่างอดทนบนชายหาดสีฟ้า เขาค่อยๆลดทอนลายละเอียดของตัวตนไปจนกระทั่งกลายเป็นเพียงภาพร่างสตอรี่บอร์ดเท่านั้น เขากำลังมีตัวตนบนโลกใบเดิมที่กำลังเริ่มต้นขึ้นใหม่ แนวคิดแบบนี้เป้นแบบเดียวกันกับ ตอนที่ 25 และ 26 ของทีวีซีรีย์ ซึ่งเป็นการบอกถึงความเป็นไปได้อื่นๆของเขา เขาสามารถมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขในโลกใบใหม่ได้ ความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด ซึ่งเป้นข้อความที่ทีวีซีรีและ มังกะสื่อสารข้อความเดียวกัน (รวมถึงโดจินชิอย่าง re-take) ด้วย เมื่อมาริมารับเขาด้วยเอวาเกเลียนของเธอ ชินจิก็กลับมาเป็นรูปร่างที่สมบูรณ์อีกครั้ง มาริพาชินจิออกมาจากโลกปฏิจักรวาลกลับมายังโลกใบเดิมที่สร้างขึ้นใหม่ โลกที่ อาสึกะ คาโอรุ หรือเร ที่ไม่สามารถจะเลือกได้เองว่าจะอยู่ที่ไหน แต่เรก็อาจจะอยู่ในโลกใบนี้ด้วย (note ผู้เขียน หลังจากที่ได้อ่านมังกะเอวาเกเลียนสื่อถึงทะเลสีฟ้าคือความเป็นไปได้อันไร้ที่สิ้นสุด ส่วนทะเลสีแดงอาจหมายถึงความจริงหนึ่งเดียว นั่นคือข้อความที่ได้เพิ่มเติมจากการอ่านมังกะ)

มาริสัญญากับมิซาโตะว่าจะพาชินจิกลับมาอาจเป็นสัญญานว่าเธอจะมาทำหน้าที่แทนมิซาโตะในการเป็นผู้ปกครองของชินจิ เพลง voyager the grave stone without date นั้นคือเพลงธีมของแม่แบบเดียวกับที่ cruel angel thesis เป็นเพลงของแม่ทั้งหลาย คือ ยูอิ มิซาโตะ แต่ voyager จะหมายถึง มาริ อีกคนหนึ่ง ความแตกต่างของทั้ง 2 เพลง คือ cruel angel thesis เป็นเพลงของแม่ที่ทิ้งภาระไว้ให้ลูก แต่ voyager เป็นเพลงที่บอกถึงการปลดเปลื้องภาระและส่งลูกออกไปให้ไกลแสนไกล

 ย้อนกลับไปเป็นกระดาศเปล่า

ชินจิที่ลดทอนรายละเอียดของตนลงเพื่อมีชีวิตอยู่ในโลกที่ปราศจากเอวา

มาริ นักกู้ภัย

มาริมารับชินจิกลับไปยังโลกใบเดิมที่ไม่เคยมีเอวาอยู่เลยในประวัติศาสตร์

มาริเข้าสวมบทบาทของมิซาโตะ

มาริเข้ามาแทนที่มิซาโตะที่ไม่สามารถทำหน้าที่ของแม่ได้

มาริเข้าสวมบทบาทของมิซาโตะ 2

กลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งด้วยการใช้ฉากเดิมกับ ทีวีซีรีตอนที่ 1 และ shin evangelion 1.0

สัญลักษณ์ของแต่ละภาค

โจ ฮะ คิว และ repeat

Note ผู้เขียน หากสังเกตถึงสัญลักษณ์ของภาพสัญลักษณ์ของ 3.0+1.0 จะเป็นสัญลักษณ์ repeat นั่นคือการเล่นซ้ำ เอวา กำลังเดินทางซ้ำอีกครั้งในลูปใหม่ที่ปราศจากเอวา

Repeat จะบอกให้ผู้เล่นเล่นซ้ำส่วนใดส่วนหนึ่ง ไม่ว่าจะจากด้านบนหรือเริ่มจากตรงสัญลักษณ์

เอวานเกเลียนมันคือการวนลูป

Note ผู้เขียน ทั้งเกนโด ยูอิ และ อาสึกะ เคยเปลี่ยนนามสกุลกันแล้วเมื่อย้ายมาจาก NGE

โรโบกุนงิ เกนโด เป็น อิคาริ เกนโด

อิคาริ ยูอิ เป็น อายานามิ ยูอิ

โซริว อาสึกะ แลงก์เลย์ เป็น ชิกินามิ อาสึกะ แลงก์เลย์

อิคาริ ชินจิ อาจจะเป็น คามินากะ ชินจิ ????

อ่านทฤษกีตอนจบ เกี่ยวกับรถไฟ